“พระเจ้าทรงดี เป็นป้อมปราการในวันแห่งความทุกข์ยาก และทรงรู้จักผู้ที่วางใจในพระองค์” (นาฮูม 1:7)
นี่คือความจริงอันยิ่งใหญ่: พระเจ้าทรงเห็นความเจ็บปวดของเราด้วยความเมตตา และทรงพร้อมไม่เพียงแต่จะทรงค้ำจุนเราเท่านั้น แต่ยังจะทรงเปลี่ยนความทุกข์ยากทุกอย่างให้เป็นความดี เมื่อเรามองแต่ที่ความยากลำบาก เราก็จะตกอยู่ในความท้อแท้ แต่เมื่อเรามองไปที่พระเจ้า เราจะพบการปลอบโยน ความอดทน และกำลัง พระองค์ทรงสามารถยกศีรษะของเราให้สูงขึ้นท่ามกลางพายุ และทรงทำให้ชีวิตเบ่งบาน แม้ในสถานการณ์ที่ยากที่สุด
เพื่อจะได้สัมผัสชัยชนะนี้ เราต้องดำเนินชีวิตด้วยความสัตย์ซื่อต่อพระราชบัญญัติอันรุ่งโรจน์ของพระเจ้าและพระบัญญัติอันงดงามของพระองค์ สิ่งเหล่านี้สอนให้เราไว้วางใจ อดทน และไม่หมดหวัง พระบิดาทรงเปิดเผยแผนงานของพระองค์แก่ผู้เชื่อฟัง และแม้ในท่ามกลางการทดลอง พระองค์ทรงนำทางผู้ที่ยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระองค์ ความทุกข์ยากไม่อาจลบล้างพระพรที่มาจากความเชื่อฟังได้
เพราะฉะนั้น อย่าท้อใจ พระบิดาทรงอวยพรและส่งผู้ที่ยืนหยัดมั่นคงในพระราชบัญญัติอันสูงส่งของพระองค์ไปหาพระบุตร พระองค์ทรงเปลี่ยนน้ำตาให้เป็นการเติบโต และความเจ็บปวดให้เป็นความรอด จงดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อฟัง แล้วเจ้าจะเห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าทรงยกชีวิตของเจ้าขึ้นสู่พระเยซู ดัดแปลงจาก Isaac Penington แล้วพบกันใหม่พรุ่งนี้ หากพระเจ้าทรงโปรด
อธิษฐานกับฉัน: พระบิดาที่รัก ข้าพระองค์ขอวางความเจ็บปวดและความทุกข์ใจทั้งหลายไว้ต่อพระพักตร์ของพระองค์ ข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์ทรงเห็นข้าพระองค์ด้วยความเมตตา และไม่เคยทรงละทิ้งข้าพระองค์ในพายุแห่งชีวิต
พระเจ้า ขอทรงสอนข้าพระองค์ให้รักษาพระราชบัญญัติอันรุ่งโรจน์และพระบัญญัติอันงดงามของพระองค์ แม้ในท่ามกลางความยากลำบาก ขอให้ข้าพระองค์ไม่บ่น แต่เรียนรู้ที่จะไว้วางใจว่าพระองค์ทรงสามารถเปลี่ยนความทุกข์ยากของข้าพระองค์ให้เป็นพระพรได้
โอ พระเจ้าผู้ทรงรัก ข้าพระองค์ขอขอบพระคุณพระองค์ เพราะในความทุกข์ใจ พระองค์ทรงค้ำจุนและทรงยกข้าพระองค์ขึ้น พระบุตรที่รักของพระองค์คือเจ้าชายและพระผู้ช่วยให้รอดนิรันดร์ของข้าพระองค์ พระราชบัญญัติอันทรงฤทธิ์ของพระองค์คือสมอเรือที่มั่นคงของชีวิตข้าพระองค์ พระบัญญัติของพระองค์เป็นเหมือนลำแสงแห่งความสว่างที่ส่องท่ามกลางความมืด ข้าพระองค์อธิษฐานในพระนามอันล้ำค่าของพระเยซู อาเมน
























